ถูกตบ เพราะรอยลิควิท
เครดิต AMARIN TVHD
จากเหตุการณ์นักเรียนหญิง ในชุดนักเรียน ตบตีเพื่อนนักเรียนหญิงในชุดเครื่องแบบเนตรนารี ทั้งแตะ ถีบ ผลักหน้า จนล้มลงไปนั่งที่พื้น และมีในขุดเนตรนารี อีกคนเข้าไปห้าม แต่ก็ถูกผลักและทำร้ายด้วยเช่นกัน โดยเหตุการณ์นี้ มีผู้ถ่ายคลิปไว้และโพสต์ลงเฟซบุ๊ก พร้อมระบุว่า เหตุเกิดที่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านคลอง 2 ปทุมธานี แม่ของเด็กที่ถูกทำร้ายเมื่อเห็นคลิปถึงกับช็อก เพราะเคยถามลูกว่าหน้าไปโดนอะไรมา เด็กกลับไม่กล้าพูดความจริง บอกแต่เพียงว่าเดินชนประตู วอนโรงเรียนและผู้ปกครองของนักเรียนที่ก่อเหตุออกมาแสดงความรับผิดชอบ
ล่าสุดวันนี้ (22 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับนายธนวินท์ สุขจิตร์ ผู้โพสต์คลิปนี้ เปิดเผยว่า คลิปดังกล่าวมีเพื่อนในเฟซบุ๊กของตนเป็นคนโพสต์ ซึ่งตนเห็นว่าค่อนข้างรุนแรงจึงเข้าไปคอมเมนท์สอบถามว่าผู้ปกครองของเด็กที่ถูกตบทราบเรื่องหรือไม่
ภายหลังผู้โพสต์ทักมาบอกตนว่า ทางโรงเรียนที่เกิดเหตุขอให้ลบคลิป ตนจึงขอให้อีกฝ่ายส่งคลิปมา และตัดสินใจโพสต์คลิปดังกล่าวด้วยตัวเอง พร้อมทั้งตามหาผู้ปกครองของเด็กผู้เสียหาย ซึ่งก็พบว่าเป็นเด็กในชุมชน
เมื่อสอบถามทางผู้ปกครองยอมรับว่าไม่เคยทราบเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมแนะนำให้ไปพบครูที่โรงเรียนเพื่อแจ้งเรื่องราว โดยตอนนี้ทราบว่าผู้ปกครองของเด็กได้แจ้งความไว้แล้วแต่ตนไม่ทราบความคืบหน้า ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นสอบถามจาก น้องฝ้าย อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นม.2 ซึ่งเป็นเด็กที่โดนทำร้าย เล่าว่า เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กระเป๋าของ"น้องฝ้าย" มีรอยลิควิด ( หมึกลบคำผิด) จึงตามหาว่าใครเป็นคนทำ ก่อนจะโยนความผิดกันไปมา จนสุดท้ายเด็กที่ก่อเหตุได้นัดไปเคลียร์ที่หลังโรงเรียน ลักษณะเหมือนหลอกไปก่อนจะทำร้ายน้องฝ้ายและเพื่อน โดยมีเพื่อนของผู้ก่อเหตุช่วยถ่ายคลิปเอาไว้
ซึ่งตนถามน้องฝ้ายว่า เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้บ้างหรือไม่ น้องฝ้ายตอบตนว่า “ก็มีบ้าง” ตนจึงคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
ส่วนตัวอยากเก็บคลิปเอาไว้ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับน้องฝ้าย เพราะที่ผ่านมามีคลิปลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ตนคิดว่า ทางโรงเรียนหรือเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรจะมีมาตรการออกมาเพื่อดูแลคุ้มครองไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของน้องฝ้าย ในชุมชนแห่งหนึ่งย่านคลอง 2 ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้พูดคุยกับ นางคมขำ บูรณะเสน อายุ 67 ปี ยายของน้องฝ้าย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องเมื่อวานนี้ (21 พ.ย.) โดยเมื่อเห็นคลิปที่หลานถูกทำร้ายตนถึงกับทรุด เพราะไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน และรู้สึกโกรธคนที่ก่อเหตุ
เนื่องจากที่ผ่านมาตนไม่เคยทำร้าย หรือตบตีหลานแต่อย่างใดก่อนหน้านี้ตนเห็นหลานหน้าช้ำกลับมาที่บ้าน สอบถามอีกฝ่ายบอกว่า โดนประตูหนีบ ซึ่งตนก็เอะใจคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยได้บอกแม่น้องฝ้ายให้ช่วยดูแล โดยน้องฝ้ายเคยพูดว่า อยากย้ายโรงเรียน ตนคิดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากถูกเพื่อนทำร้ายแล้วหลานรู้สึกหวาดกลัว
ส่วนปมปัญหาก็เกิดจากเรื่องลิควิด (หมึกลบคำผิด) ติดกระเป๋าแล้วหาตัวคนทำผิดเท่านั้น ผู้ก่อเหตุก็เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันกับหลานสาวไม่น่าจะทำรุนแรง ทั้งนี้ตนทราบมาว่า เด็กที่ทำร้ายหลานตนเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งกับเด็กคนอื่นๆ จึงอยากให้ทางโรงเรียนช่วยจัดการสำหรับตนยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และไม่ได้คิดจะเอาเงินเยียวยาจากอีกฝ่าย เพราะอยากให้เด็กได้รับบทเรียน
ล่าสุดวันนี้ (22 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับนายธนวินท์ สุขจิตร์ ผู้โพสต์คลิปนี้ เปิดเผยว่า คลิปดังกล่าวมีเพื่อนในเฟซบุ๊กของตนเป็นคนโพสต์ ซึ่งตนเห็นว่าค่อนข้างรุนแรงจึงเข้าไปคอมเมนท์สอบถามว่าผู้ปกครองของเด็กที่ถูกตบทราบเรื่องหรือไม่
ภายหลังผู้โพสต์ทักมาบอกตนว่า ทางโรงเรียนที่เกิดเหตุขอให้ลบคลิป ตนจึงขอให้อีกฝ่ายส่งคลิปมา และตัดสินใจโพสต์คลิปดังกล่าวด้วยตัวเอง พร้อมทั้งตามหาผู้ปกครองของเด็กผู้เสียหาย ซึ่งก็พบว่าเป็นเด็กในชุมชน
เมื่อสอบถามทางผู้ปกครองยอมรับว่าไม่เคยทราบเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมแนะนำให้ไปพบครูที่โรงเรียนเพื่อแจ้งเรื่องราว โดยตอนนี้ทราบว่าผู้ปกครองของเด็กได้แจ้งความไว้แล้วแต่ตนไม่ทราบความคืบหน้า ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นสอบถามจาก น้องฝ้าย อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นม.2 ซึ่งเป็นเด็กที่โดนทำร้าย เล่าว่า เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กระเป๋าของ"น้องฝ้าย" มีรอยลิควิด ( หมึกลบคำผิด) จึงตามหาว่าใครเป็นคนทำ ก่อนจะโยนความผิดกันไปมา จนสุดท้ายเด็กที่ก่อเหตุได้นัดไปเคลียร์ที่หลังโรงเรียน ลักษณะเหมือนหลอกไปก่อนจะทำร้ายน้องฝ้ายและเพื่อน โดยมีเพื่อนของผู้ก่อเหตุช่วยถ่ายคลิปเอาไว้
ซึ่งตนถามน้องฝ้ายว่า เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้บ้างหรือไม่ น้องฝ้ายตอบตนว่า “ก็มีบ้าง” ตนจึงคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
ส่วนตัวอยากเก็บคลิปเอาไว้ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับน้องฝ้าย เพราะที่ผ่านมามีคลิปลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ตนคิดว่า ทางโรงเรียนหรือเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรจะมีมาตรการออกมาเพื่อดูแลคุ้มครองไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของน้องฝ้าย ในชุมชนแห่งหนึ่งย่านคลอง 2 ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้พูดคุยกับ นางคมขำ บูรณะเสน อายุ 67 ปี ยายของน้องฝ้าย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องเมื่อวานนี้ (21 พ.ย.) โดยเมื่อเห็นคลิปที่หลานถูกทำร้ายตนถึงกับทรุด เพราะไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน และรู้สึกโกรธคนที่ก่อเหตุ
เนื่องจากที่ผ่านมาตนไม่เคยทำร้าย หรือตบตีหลานแต่อย่างใดก่อนหน้านี้ตนเห็นหลานหน้าช้ำกลับมาที่บ้าน สอบถามอีกฝ่ายบอกว่า โดนประตูหนีบ ซึ่งตนก็เอะใจคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยได้บอกแม่น้องฝ้ายให้ช่วยดูแล โดยน้องฝ้ายเคยพูดว่า อยากย้ายโรงเรียน ตนคิดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากถูกเพื่อนทำร้ายแล้วหลานรู้สึกหวาดกลัว
ส่วนปมปัญหาก็เกิดจากเรื่องลิควิด (หมึกลบคำผิด) ติดกระเป๋าแล้วหาตัวคนทำผิดเท่านั้น ผู้ก่อเหตุก็เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันกับหลานสาวไม่น่าจะทำรุนแรง ทั้งนี้ตนทราบมาว่า เด็กที่ทำร้ายหลานตนเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งกับเด็กคนอื่นๆ จึงอยากให้ทางโรงเรียนช่วยจัดการสำหรับตนยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และไม่ได้คิดจะเอาเงินเยียวยาจากอีกฝ่าย เพราะอยากให้เด็กได้รับบทเรียน
.
ครอบครัวผู้เสียหายเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียน
รูปภาพ เครดิต ข่าวสด
รูปภาพ เครดิต ข่าวสด
แฉปมเดือด! นร.หญิงม.1 รร.ดังปทุม ประเคนเข่า-ตบรุ่นพี่ ม.2 แม่เห็นคลิปสุดช้ำ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 14:09 น.
แฉเหตุ นร.หญิงม.1 ตบรุ่นพี่ ม.2 แม่เห็นคลิปฉุนมาก! ชี้ลูกถูกกระทำรุนแรงมาก ลั่น! เอาเรื่องถึงที่สุด ด้าน ผอ.โรงเรียน พาชี้จุดเกิดเหตุ เตรียมทำทัณฑ์บน เล็งติดวงจรปิดจุดอับเพิ่ม
จากกรณีมีคลิปเด็กหญิงใส่ชุดนักเรียนตบกระทืบเด็กหญิงใส่ชุดเนตรนารี เผยแพร่ในโลกโซเชียล แต่พบว่าพฤติกรรมการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นหลายวันแล้ว และผู้เป็นแม่ของเด็กหญิงที่ถูกกระทำเพิ่งทราบเรื่อง ทั้งก่อนหน้านี้ลูกสาวบอกแม่ว่าชนประตู เพราะไม่กล้าบอกว่าเกิดเหตุทะเลาะถูกตบถูกกระทืบภายในโรงเรียน
ล่าสุดวันที่ 22 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับผู้อำนวยการของโรงเรียนที่เกิดเหตุในพื้นที่ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อนจะพาไปชี้จุดเกิดเหตุโดยพบว่า เป็นบริเวณแปลงผักของศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างโรงเรียน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.00 น.
ส่วนเด็กนักเรียนที่ปรากฏในคลิปพบว่า ผู้ลงมือคือนักเรียนหญิงที่ใส่ชุดนักเรียนกำลังเรียนอยู่ชั้นม.1 ส่วนคู่กรณีใส่ชุดเนตรนารีนั้นอยู่ชั้นม.2 สำหรับสาเหตุนั้น สืบเนื่องจากเรื่องกระเป๋านักเรียนเปื้อนสีน้ำ และเกิดการเข้าใจผิดกันว่าอีกฝ่ายเป็นคนทำ ซึ่งทางโรงเรียนได้ทราบเรื่องว่ามีคลิปเผยแพร่ไปทั่วโซเชียล จึงเรียนเด็กนักเรียนมาสอบถาม พร้อมทั้งเชิญผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายเข้ามาเจรจากัน
โดยการเจรจาเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา มีข้อตกลงคือยอมความกัน และเด็กนักเรียน ม.1 ที่เป็นฝ่ายกระทำได้ขอโทษ พร้อมทั้งไหว้กราบขอโทษผู้เป็นผู้ปกครอง ซึ่งพบว่าในวันนี้ นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี แม่ของเด็กหญิงม.2 เดินทางเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียน เนื่องจากมีการนัดหมายในการทำทัณฑ์บนกับเด็กกับการกระทำดังกล่าว แต่มีเพียงฝ่ายผู้ปกครองของเด็กที่ถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ส่วนผู้ปกครองของเด็กหญิงม.1 ไม่มาพบผู้อำนวยการแต่อย่างใด และเด็กนักเรียนก็ไม่มาโรงเรียน
นางเอ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนเห็นคลิปตอนลูกสาวถูกตบที่หน้า แต่อินเตอร์เน็ตช้าและหลุดไปจึงไม่ได้ดูคลิปต่อจนจบ เมื่อเดินทางมาพูดคุยกับอีกฝ่ายที่โรงเรียน ก็ยอมความและให้อภัยกัน แต่หลังจากที่ตนกลับจากโรงเรียนและได้ดูคลิปฉบับเต็ม จึงเห็นว่าลูกถูกกระทำรุนแรง ทั้งตบทั้งกระทืบ จึงทำให้รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าวอย่างมาก
นางเอ กล่าวต่อว่า ตนจึงได้เดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อพูดคุยกับผู้อำนวยการ และผู้ปกครองของเด็กอีกฝ่ายอีกครั้ง แต่ก็พบว่าทั้งเด็กและผู้ปกครองไม่มาโรงเรียน ตนจึงจะเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพิ่มเติมอีก เพราะการกระทำดังกล่าวรุนแรงกับลูกสาวเกินไป
ครอบครัวผู้เสียหายเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียน
ครอบครัวผู้เสียหายเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียน
ด้าน ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจและรู้สึกเสียใจ ประกอบกับวันเกิดเหตุครูอาจารย์ไปงานศิลปหัตถกรรมกันหลายคน จึงทำให้บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุไม่มีครูอยู่ ซึ่งโดยปกติจะมีครูอยู่ 2 คน ทั้งนี้ เราได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันแล้ว ตกลงกันแล้ว พร้อมทั้งได้เข้าไปบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจไว้เป็นหลักฐานแล้ว เพื่อแสดงให้เห็นว่าเด็กนักเรียนชั้น ม.1 จะไม่กล้ากระทำอีก
ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวอีกว่า แต่หากผู้ปกครองประสงค์จะดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายอีก ก็จะต้องเป็นส่วนของความประสงค์ของผู้ปกครองต่อไป แต่ในส่วนกฏระเบียบของโรงเรียน จะต้องดำเนินการทำทัณฑ์บน และตัดคะแนนจิตพิสัยของเด็กที่เป็นฝ่ายกระทำ และตักเตือนเด็กนักเรียนฝ่ายที่ถูกกระทำที่ไม่ยอมบอกเรื่องให้กับโรงเรียนทราบ และจากนี้จะต้องเพิ่มกล้องวงจรปิดในจุดอับของโรงเรียนเพื่อความปลอดภัยและป้องกันเหตุภายในโรงเรียนต่อไป
แฉเหตุ นร.หญิงม.1 ตบรุ่นพี่ ม.2 แม่เห็นคลิปฉุนมาก! ชี้ลูกถูกกระทำรุนแรงมาก ลั่น! เอาเรื่องถึงที่สุด ด้าน ผอ.โรงเรียน พาชี้จุดเกิดเหตุ เตรียมทำทัณฑ์บน เล็งติดวงจรปิดจุดอับเพิ่ม
จากกรณีมีคลิปเด็กหญิงใส่ชุดนักเรียนตบกระทืบเด็กหญิงใส่ชุดเนตรนารี เผยแพร่ในโลกโซเชียล แต่พบว่าพฤติกรรมการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นหลายวันแล้ว และผู้เป็นแม่ของเด็กหญิงที่ถูกกระทำเพิ่งทราบเรื่อง ทั้งก่อนหน้านี้ลูกสาวบอกแม่ว่าชนประตู เพราะไม่กล้าบอกว่าเกิดเหตุทะเลาะถูกตบถูกกระทืบภายในโรงเรียน
ล่าสุดวันที่ 22 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับผู้อำนวยการของโรงเรียนที่เกิดเหตุในพื้นที่ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อนจะพาไปชี้จุดเกิดเหตุโดยพบว่า เป็นบริเวณแปลงผักของศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างโรงเรียน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.00 น.
ส่วนเด็กนักเรียนที่ปรากฏในคลิปพบว่า ผู้ลงมือคือนักเรียนหญิงที่ใส่ชุดนักเรียนกำลังเรียนอยู่ชั้นม.1 ส่วนคู่กรณีใส่ชุดเนตรนารีนั้นอยู่ชั้นม.2 สำหรับสาเหตุนั้น สืบเนื่องจากเรื่องกระเป๋านักเรียนเปื้อนสีน้ำ และเกิดการเข้าใจผิดกันว่าอีกฝ่ายเป็นคนทำ ซึ่งทางโรงเรียนได้ทราบเรื่องว่ามีคลิปเผยแพร่ไปทั่วโซเชียล จึงเรียนเด็กนักเรียนมาสอบถาม พร้อมทั้งเชิญผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายเข้ามาเจรจากัน
โดยการเจรจาเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา มีข้อตกลงคือยอมความกัน และเด็กนักเรียน ม.1 ที่เป็นฝ่ายกระทำได้ขอโทษ พร้อมทั้งไหว้กราบขอโทษผู้เป็นผู้ปกครอง ซึ่งพบว่าในวันนี้ นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี แม่ของเด็กหญิงม.2 เดินทางเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียน เนื่องจากมีการนัดหมายในการทำทัณฑ์บนกับเด็กกับการกระทำดังกล่าว แต่มีเพียงฝ่ายผู้ปกครองของเด็กที่ถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ส่วนผู้ปกครองของเด็กหญิงม.1 ไม่มาพบผู้อำนวยการแต่อย่างใด และเด็กนักเรียนก็ไม่มาโรงเรียน
นางเอ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนเห็นคลิปตอนลูกสาวถูกตบที่หน้า แต่อินเตอร์เน็ตช้าและหลุดไปจึงไม่ได้ดูคลิปต่อจนจบ เมื่อเดินทางมาพูดคุยกับอีกฝ่ายที่โรงเรียน ก็ยอมความและให้อภัยกัน แต่หลังจากที่ตนกลับจากโรงเรียนและได้ดูคลิปฉบับเต็ม จึงเห็นว่าลูกถูกกระทำรุนแรง ทั้งตบทั้งกระทืบ จึงทำให้รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าวอย่างมาก
นางเอ กล่าวต่อว่า ตนจึงได้เดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อพูดคุยกับผู้อำนวยการ และผู้ปกครองของเด็กอีกฝ่ายอีกครั้ง แต่ก็พบว่าทั้งเด็กและผู้ปกครองไม่มาโรงเรียน ตนจึงจะเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพิ่มเติมอีก เพราะการกระทำดังกล่าวรุนแรงกับลูกสาวเกินไป
ครอบครัวผู้เสียหายเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียน
ครอบครัวผู้เสียหายเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียน
ด้าน ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจและรู้สึกเสียใจ ประกอบกับวันเกิดเหตุครูอาจารย์ไปงานศิลปหัตถกรรมกันหลายคน จึงทำให้บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุไม่มีครูอยู่ ซึ่งโดยปกติจะมีครูอยู่ 2 คน ทั้งนี้ เราได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันแล้ว ตกลงกันแล้ว พร้อมทั้งได้เข้าไปบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจไว้เป็นหลักฐานแล้ว เพื่อแสดงให้เห็นว่าเด็กนักเรียนชั้น ม.1 จะไม่กล้ากระทำอีก
ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวอีกว่า แต่หากผู้ปกครองประสงค์จะดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายอีก ก็จะต้องเป็นส่วนของความประสงค์ของผู้ปกครองต่อไป แต่ในส่วนกฏระเบียบของโรงเรียน จะต้องดำเนินการทำทัณฑ์บน และตัดคะแนนจิตพิสัยของเด็กที่เป็นฝ่ายกระทำ และตักเตือนเด็กนักเรียนฝ่ายที่ถูกกระทำที่ไม่ยอมบอกเรื่องให้กับโรงเรียนทราบ และจากนี้จะต้องเพิ่มกล้องวงจรปิดในจุดอับของโรงเรียนเพื่อความปลอดภัยและป้องกันเหตุภายในโรงเรียนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น